แม้จะจบเดือนแห่งความรักไปแล้ว แต่ความรู้สึกดีๆ ไม่ได้สิ้นสุดลงภายในเดือนเดียว Rado จึงต่อยอดความรักผ่าน Centrix Open Heart นาฬิกาที่ดีไซน์หน้าปัดมาเป็นแบบเปิดให้เห็นกลไกครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นสะพานแห่งความรักที่จะเป็นอมตะเหนือกาลเวลา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะย้อนไปในประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ หรือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ เรามักได้เห็นนาฬิกาดีไซน์ใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นจาก Rado เสมอ ทั้งในด้านสีสัน พื้นผิว รูปทรง และวัสดุ แต่ขณะเดียวกันความล้ำของงานออกแบบก็ยังคงสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็น Rado ที่ทุกคนคุ้นเคยอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ Centrix Open Heart เรือนใหม่นี้ ที่มาพร้อมบริดจ์ตรงกลางตัวเรือน เป็นสัญลักษณ์แทนการเชื่อมโยงช่วงเวลาอันมีค่าของทั้งปัจจุบันและอนาคต
โดยมีเข็มนาฬิกาเป็นตัวกลางเชื่อมการเดินทางข้ามสะพานนี้ นอกจากนั้นเส้นโค้งตรงกลางและลวดลาย “Ondulé Soleil” บนหน้าปัดที่จะเปล่งประกายเป็นพิเศษเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ยังชวนให้ถึงช่วงรุ่งอรุณและยามสนธยาที่งดงามอีกด้วย ดีไซน์ลึกซึ้งดังกล่าวมาพร้อมกลไกทันสมัยออโตเมติก R734 สำรองพลังงานได้ยาวนาน 80 ชั่วโมง และมีแฮร์สปริง NivachronTM ป้องกันสนามแม่เหล็กในทุกสภาวะแวดล้อม
ตัวเรือนและขอบสายนาฬิกาทำจากสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์เฉดเดียวกัน ส่วนพื้นหลังหน้าปัดกับข้อต่อหลักของสายนาฬิกาใช้ไฮเทคเซรามิกอันแข็งแกร่งของ Rado เช่นเคย กระจกหน้าปัดเป็นคริสตัลแซฟไฟร์แบบโค้งนูนขอบมนแนบติดตัวเรือนและเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน ช่วยให้เราอ่านเวลาได้ชัดเจนทุกองศา ขอบฝาหลังเป็นสแตนเลส ส่วนตรงกลางคือคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส เปิดให้คนรักนาฬิกาเห็นกลไกด้านในที่ช่วยขับเคลื่อนวันเวลาทุกๆ วินาทีให้เดินไปอย่างราบรื่นและน่าจดจำ ถือเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Open Heart ในซีรีส์ Art of Skeleton ที่หลายคนหลงใหล
Rado Centrix Open Heart มีให้เลือกมากถึง 5 แบบตอบโจทย์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีรุ่นที่ผลิตจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิก หน้าปัดสว่างไสวด้วยเปลือกหอยมุกสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งข้อต่อไฮเทคเซรามิกตรงกลางก็ดีไซน์ให้มีสีที่แมตช์กับหน้าปัดอย่างลงตัว หรือคนที่ชอบโทนสีเข้มขรึมก็สามารถเลือกรุ่นที่ใช้เปลือกหอยมุกสีน้ำตาลเข้มมาเป็นหน้าปัด จับคู่กับตัวเรือนสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ ความงดงามของ Centrix Open Heart ยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในรุ่น Jubilé มีการประดับเพชร Top-Wesselton เจียระไนแบบฟูลคัตสิบสองเม็ดอยู่ตรงตำแหน่งบอกชั่วโมงบนหน้าปัด
อีกรุ่นที่พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกคือ Super Jubilé ที่ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญบรรจงเรียงเพชรไว้ตรงเส้นโค้งด้านล่างของบริดจ์ และบริเวณเส้นโค้งด้านบนเหนือสะพาน ซึ่งดูเหมือนกลุ่มดาวระยิบระยับบนฟากฟ้า ตัวแทนความรักและช่วงเวลาทรงคุณค่าที่จะเป็นอมตะตลอดไป แน่นอนว่างานศิลปะชั้นสูงแห่งโลกนาฬิกาทั้ง 5 แบบนี้จะสะกดสายตาทุกคู่ตั้งแต่แรกเห็น และมีพลังงานสำรองเพียงพอต่อไปอีกกว่า 80 ชั่วโมง
No comments:
Post a Comment