กรมการท่องเที่ยวระดมสมองทุกภาคส่วน แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เพื่อจัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงพื้นที่รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการฟื้นฟูการท่องเที่ยววิถีมุสลิมของประเทศไทย
นายบุญเสริม ขันแก้ว รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า “จากผลของการเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อต้นปี 2565 ทำให้ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวของกลุ่มนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางเพิ่มมากขึ้น ควบคู่กับนโยบายของ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในเรื่องความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งภายหลังสถานการณ์โควิด-19 สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยจำนวนมาก”
ช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง โดยมีการศึกษาและจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิม ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก ก่อให้เกิดรายได้ 72,739.64 ; 61,795.44 และ 57,381.19 ล้านบาท ในปี 2560 – 2563 ตามลำดับ โดยเป็นกลุ่มที่มีวันพักประมาณ 13 วันต่อทริป และค่าใช้จ่ายสูงกว่า 6,000 บาท/คน/วัน ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ จึงจัดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง
เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีมุสลิมในเชิงรุกในรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์วิถีปกติใหม่ รวมทั้งสร้างความได้เปรียบในการดึงดูดนักท่องเที่ยวมุสลิม กรมการท่องเที่ยวจึงได้จัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงพื้นที่รองรับการท่องเที่ยวคุณภาพสูง : ศึกษากรณีนักท่องเที่ยวตะวันออกกลางภายใต้โครงการจัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงพื้นที่รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการฟื้นฟูการท่องเที่ยววิถีมุสลิมของประเทศไทย โดยจะมีการจัดประชุมสนทนากลุ่ม (Focus Group) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 4 ครั้ง ซึ่งในแต่ละพื้นที่จะมีผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวตะวันออกกลางเข้าร่วมกิจกรรมประชุมสนทนากลุ่มด้วย ดังนี้
ครั้งที่ 1 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ณ โรงแรมอัล มีรอซ กรุงเทพมหานคร
ครั้งที่ 2 วันที่ 2 มีนาคม 2566 ณ โรงแรมเซ็นทารา ริเวอร์ไซด์ จังหวัดเชียงใหม่
ครั้งที่ 3 วันที่ 9 มีนาคม 2566 ณ โรงแรมแกรนด์ เบลลา พัทยา จังหวัดชลบุรี
ครั้งที่ 4 วันที่ 15 มีนาคม 2566 ณ โรงแรมพาโก้ ดีไซน์ จังหวัดภูเก็ต
No comments:
Post a Comment