เมื่อวันที่11 กุมภาพันธ์ 2565 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิด “ปีท่องเที่ยวไทย 2565” และ “Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters” เพื่อส่งสัญญาณให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ โดยยกโมเดล “DASH” เพื่อฟื้นการท่องเที่ยวไทยและช่วยฟื้นเศรษฐกิจในภาพรวม ณ ห้องฉัตรา บอลลูม 3 โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพมหานคร
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า จากการที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้วางนโยบายในการ “พลิกโฉมประเทศไทย” ด้วยแนวทางการทำงานใหม่ ๆ เพื่อให้ประเทศไทยได้เข้าสู่วิถีใหม่ในทุกมิติโดยเริ่มตั้งแต่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งในภาคการท่องเที่ยวนั้น ททท. ได้นำเสนอแนวทางการดำเนินการในแคมเปญ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters หรือ ปีท่องเที่ยวไทย ปี 2565 โดยในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจาก การระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ครั้งที่ 4/2564 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 ได้มีมติเห็นชอบการประกาศส่งเสริมปีท่องเที่ยวไทย 2565 และคณะรัฐมนตรีได้รับทราบในหลักการแล้ว โดย ททท. ได้เปิดตัวแคมเปญครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ในงาน World Travel Mart 2021 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในภาพรวมว่า ในส่วนการดำเนินของ ททท. นั้น ได้ตั้งเป้าให้เกิด Greatest Change ด้วย Soft Power of Thailand ตามแนวทาง 5F : 4M คือ Food Film Fashion Festival Fight Music Museum Master และ Meta เพื่อเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพ และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้หลัก Inclusive Tourism เจาะกลุ่มเป้าหมายคุณภาพและนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง เต็มใจจ่ายเพื่อตอบสนองคุณค่าของประสบการณ์ แสดงออกซึ่งความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม 4-2-2 คือ 4 Personas (ประชากรโลกผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ ผู้ต้องการทำงานจากประเทศไทย และผู้ที่มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ) 2 Demographic (Millennials และ Active Senior) 2 Behavior (Medical & Wellness และ Responsible Tourism) ทั้งนี้ ได้วางโมเดล “DASH” เป็นแนวทางการดำเนินงานเพื่อพลิกโฉมการท่องเที่ยวไทย โดยระดมการทำงานของ ททท. มุ่งสู่การพลิกโฉมทั้งระบบ กล่าวคือ D - Domestic Travel ให้ความสำคัญกับ
การส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว A – Accelerate Demand กระตุ้นอุปสงค์เชิงคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีบนพื้นฐานของความปลอดภัย มุ่งเน้นนักท่องเที่ยวคุณภาพและกลุ่มรายได้สูง และส่งมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง มีคุณค่า อย่างประทับใจ S - Shape Supply ยกระดับระบบนิเวศท่องเที่ยวสู่ความมีคุณภาพและความยั่งยืน บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบและ Digital Tourism ให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน มีการกระจายรายได้สู่แต่ละภาคส่วนอย่างยั่งยืน และ H - Healing Thai Economy ฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยว เยียวยาเศรษฐกิจ ด้วยการเปิดประเทศเพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยว “ลุกเร็ว ก้าวไว” เติบโตอย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่นำไปสู่ความยั่งยืน ส่งมอบความสุข ความปลอดภัย บนพื้นฐานความเป็นไทยที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ด้วยความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการฟื้นประเทศไทยด้วยการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
ทั้งนี้ ได้วางสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศมากขึ้น และเน้นตลาดคุณภาพจากต่างประเทศ โดยตลาดระยะไกล ได้ดำเนินโครงการ Amazing Thailand Workplace Paradise คือ การดึงกลุ่ม Remote Workers มายังประเทศไทย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเกิดขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งรูปแบบการเดินทางและรูปแบบการทำงาน โดยสร้างให้ประเทศไทยเป็นที่ 1 Remote Workers Friendly Destination ของโลก ในส่วนของตลาดระยะใกล้ ได้ใช้โอกาสที่ดีในการที่รัฐบาลได้เปิดการท่องเที่ยวแบบ Test & Go อีกครั้ง โดยได้วางแนวคิด New Chapters, New Opportunity ในกลยุทธ์ 5 New ได้แก่ New Segment คือ กลุ่ม Bleisure (business & leisure), นักเรียน/นักศึกษา, Digital Nomad, Boy lovers, Soft Adventure เป็นต้น New Area แสวงหากลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพในพื้นที่ศักยภาพใหม่ๆ เช่น มองโกเลีย เกาหลี (ปูซาน) และพื้นที่ในตลาดเดิม New Partner สร้างพันธมิตรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวใหม่ๆ เพิ่มเติม New Infrastructure ใช้เส้นทางการคมนาคมใหม่ ๆ ให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ คุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน - สปป.ลาว ที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางมายังจังหวัดหนองคายได้ และ New Way คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ (Millennials) ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ส่วนตลาดในประเทศ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ เพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของนักท่องเที่ยวด้วยการพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ภายใต้ แคมเปญในประเทศคือเที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยนำเสนอความพิเศษในการท่องเที่ยวผ่านเมนูประสบการณ์ที่มีคุณค่าเหนือราคา ภายใต้แนวคิด 3 Ex ได้แก่ Experience, Expectation และ Extraordinary ด้วยสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว 3 ประเภท ได้แก่ Nature to Keep, Food to Explore และ Thainess to Discover โดยกำหนดธีมสีและธีมนำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละภูมิภาค ดังนี้
ภาคเหนือ : เสน่ห์วันวานเมืองเหนือ - North Nostalgia สี Navy
ภาคกลาง : Trendy C2 ภาคกลาง (Create new Experience และ Charming of Central) - Chic Central สี Crimson
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : หลงรักแผ่นดินถิ่นอีสาน - Isan in Love สี Ivory
ภาคใต้ : หรอยแรงแหล่งใต้ - Savory South สี Silver
ภาคตะวันออก : สบ๊าย สบายภาคตะวันออก - East at Ease สี Emerald
สำหรับสินค้าทางการท่องเที่ยวนั้น เน้นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่ม Workation& Staycation Wellness Sport และการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Low Carbon) ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศด้วยการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวที่เจาะกลุ่มและหลากหลาย รวมทั้งการอัปเดทกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่อยู่ในกระแสนิยม เพื่อให้ทันต่อพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น การท่องเที่ยงเชิงดาราศาสตร์ กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ เส้นทางท่องเที่ยวแบบ Happy Model โดยที่ยังคงส่วนผสมของการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อกระจายรายได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ ททท. ยังคงให้ความสำคัญกับทางท่องเที่ยวเชิงอาหาร Soft Power ที่แข็งแกร่งของประเทศไทย โดยสร้างประสบการณ์อาหารในมุมของอาหารปลอดภัย ตอบสนองคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น (Organic Lifestyle) เป็นการเผยแพร่ Best Practice Model ให้กระจายในวงกว้าง รองรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนและสามารถสร้างมูลค่าและคุณค่าให้กับอาหารได้อย่างชัดเจน
ในการสื่อสารเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในภาพรวมใช้แคมเปญ “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” สำหรับตลาดในประเทศ โดยสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวด้วยมุมมองที่แตกต่างด้วยวิธีการท่องเที่ยวแบบ “ยิ่งไป ยิ่งให้ ยิ่งสุขใจกว่าที่เคย” ส่วนตลาดต่างประเทศใช้แคมเปญ “Amazing New Chapters” เพื่อพลิกโฉมประเทศไทยนำเสนอคุณค่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยมุมมองใหม่ มีความโดดเด่นและแตกต่างจากประเทศคู่แข่ง ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี (Thai Cultural Values) รวมทั้ง
การท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับภาพลักษณ์สู่การเป็น World Class Destination โดยสร้างการรับรู้ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ซึ่งเป็นแบรนด์ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกมาอย่างยาวนาน ภายใต้แนวคิด From A to Z Amazing Thailand Has it All ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาค้นหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่าที่เคยตลอดปี 2565
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในส่วนของการใช้นวัตกรรมและการบริหารบุคลากรว่า ททท. มีโครงการ TAT Amazing Influencer หรือ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่จะนำเทคโนโลยี Virtual Character มาเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของอินฟลูเอนเซอร์ของ ททท. ผ่านโลก Metaverse และโครงการ TAT NFTs ที่จะก้าวสู่การนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ศิลปะดิจิทัล โดยเริ่มที่สินค้าภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลสร้างมูลค่าและความยั่งยืน กล่าวคือ Digital Industry สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับใช้ในธุรกิจ Digital Investment ลงทุนในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Digital Innovation ร่วมพัฒนานวัตกรรมบนพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล ในส่วนของการบริหารองค์กรและบุคลากรนั้น ททท. จะเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและด้านดิจิทัล สร้างระบบการทำงานแบบ Hybrid Working ที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Remote Worker และ Workation นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในองค์กรตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและคุ้มค่า โดยร่วมมือกับองค์กรภายนอกในหมุนเวียนทรัพยากร การจัดการทรัพยากรและขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรสมรรถนะสูงอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมด มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 656,000 ล้านบาท (160 ล้านคน/ครั้ง) ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท (10 ล้านคน) ดันยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters นี้
การท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยกระดับภาพลักษณ์สู่การเป็น World Class Destination โดยสร้างการรับรู้ภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ซึ่งเป็นแบรนด์ทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่เป็นที่รู้จักในระดับโลกมาอย่างยาวนาน ภายใต้แนวคิด From A to Z Amazing Thailand Has it All ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาค้นหาและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ มากกว่าที่เคยตลอดปี 2565
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวในส่วนของการใช้นวัตกรรมและการบริหารบุคลากรว่า ททท. มีโครงการ TAT Amazing Influencer หรือ อินฟลูเอนเซอร์เสมือนจริง ที่จะนำเทคโนโลยี Virtual Character มาเป็นเครื่องมือในการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้มาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกของอินฟลูเอนเซอร์ของ ททท. ผ่านโลก Metaverse และโครงการ TAT NFTs ที่จะก้าวสู่การนำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวสู่ศิลปะดิจิทัล โดยเริ่มที่สินค้าภูมิปัญญาเฉพาะถิ่น เพื่อจำหน่าย ซึ่งเป็นการนำดิจิทัลสร้างมูลค่าและความยั่งยืน กล่าวคือ Digital Industry สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลปรับใช้ในธุรกิจ Digital Investment ลงทุนในการพลิกโฉมสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว Digital Innovation ร่วมพัฒนานวัตกรรมบนพื้นฐานของเทคโนโลยีดิจิทัล ในส่วนของการบริหารองค์กรและบุคลากรนั้น ททท. จะเสริมสร้างความรู้ด้านการตลาดและด้านดิจิทัล สร้างระบบการทำงานแบบ Hybrid Working ที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบ Remote Worker และ Workation นอกจากนี้ ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างบุคลากรในองค์กรตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างรู้ค่าและคุ้มค่า โดยร่วมมือกับองค์กรภายนอกในหมุนเวียนทรัพยากร การจัดการทรัพยากรและขยะอย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรสมรรถนะสูงอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมด มีเป้าหมายเดียวกัน คือ การสร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 656,000 ล้านบาท (160 ล้านคน/ครั้ง) ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท (10 ล้านคน) ดันยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี Visit Thailand Year 2022 : Amazing New Chapters นี้
No comments:
Post a Comment