เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราช จ.นครราชสีมา ในเวทีการแข่งขัน TO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2024 รอบชิงชนะเลิศระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายแพทย์ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่ากรมสุขภาพจิต ในฐานะเลขานุการโครงการ TO BE NUMBER ONE ได้ดำเนินงานสนองพระดำริของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ ที่ทรงมีพระดำริให้พัฒนาเยาวชนโดยผ่านกิจกรรม เพราะทรงเห็นว่ากิจกรรมจะช่วยให้เยาวชนมีสังคมที่ดี ได้รับประสบการณ์ที่ดี มีโอกาสได้แสดงศักยภาพและเห็นคุณค่าในตนเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันจิตใจ ในการดำเนินชีวิตในระยะยาว
นายแพทย์ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์
รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต
ด้านหม่อมหลวงยุพดี ศิริวรรณ เลขาธิการมูลนิธิ TO BE NUMBER ONE และที่ปรึกษาโครงการ TO BE NUMBER ONE กล่าวว่าการแข่งขันTO BE NUMBER ONE TEEN DANCERCISE THAILAND CHAMPIONSHIP 2024 รอบชิงชนะเลิศระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีเยาวชนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 82 ทีม ผลการแข่งขันมีทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้าไปแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศรวม 12 ทีมได้แก่ รุ่น Junior รางวัลที่1 ทีม Rookie BT โรงเรียนบ้านตูม สสจ.ศรีสะเกษ, รางวัลที่ 2 ทีม SWL Junior โรงเรียนอนุบาลเสาวลักษณ์ สสจ.บึงกาฬ รุ่น Pre-Teenage รางวัลที่ 1 ทีม Thossaporn thunder โรงเรียนทศพรวิทยา สสจ.บุรีรัมย์ , รางวัลที่ 2 ทีม Fubulous Junior ห้องสอนเต้นแก่งเลิงจาน โรงเรียนสอนดนตรี อบจ.มหาสารคาม สสจ.มหาสารคาม , รางวัลที่ 3 ทีม Big g โรงเรียนอนุบาลไพรบึง สสจ.ศรีสะเกษ รุ่น Teenage รางวัลที่ 1 ทีม SUPPLA-ReR โรงเรียนปะโคนชัยพิทยาคม สสจ.บุรีรัมย์ ,รางวัลที่ 2 ทีม REQUIRES โรงเรียนมุกดาหาร สสจ.มุกดาหาร, รางวัลที่ 3 ทีม Next happen โรงเรียนสตรีสิริเกศ สสจ.ศรีสะเกษ, อันดับที่ 4-7 ได้แก่ ทีม FUBULIOUS D CREW โรงพยาบาลมหาสารคาม สสจ.มหาสารคาม , ทีม Serephine สโมสรไลออนศรีนคร สสจ.อุบลราชธานี , ทีม THE SHEEP โรงพยาบาลมหาสารคาม สสจ.มหาสารคาม , ทีม Mixer Family โรงเรียนอำนาจเจริญ สสจ.อำนาจเจริญ และ ทีม Udon Friend Corner dance crew ศูนย์เพื่อนใจ TO BE NUMBER ONE เทศบาลอุดรธานี สสจ.อุดรธานี
นายสมชาย นพรัตน์“ครูอู๊ด”ครูผู้คุม ทีม Rookie BT รุ่น Junior ,ทีม Big g รุ่น Pre-Teenage และทีม Next happen รุ่น Teenage เล่าว่าการแข่งขันในปีนี้การเตรียมทีม Rookie BT รุ่น Junior ซึ่งเป็นเด็กเล็กจะเน้นไปที่การทำสมาธิ ให้น้องๆฝึกท่อง 5 นับ 5 แล้วค่อยให้ฟังเพลง ให้น้องๆรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ทำ เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้น้องๆจดจำได้ง่ายขึ้น ในเวลาอันสั้นเป็นแบบ Play & Learn ส่วนธีมการเต้นใช้เป็นการโชว์พลังของนักรบตัวน้อย ทุกๆรุ่นที่ได้ส่งเข้าร่วมแข่งขันสิ่งที่ต้องการปลูกฝังคือการให้เด็กๆได้มาเจอกับประสบการณ์ในเวทีการเต้นของ TO BE NUMBER ONE เป็นการเปิดโลกให้กับเด็กๆ ซึ่งทุกคนในทีมตื่นเต้นมาก ที่ได้มาเจอทีมแข่งในรุ่นต่างๆ ทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ โดยส่วนตัวในฐานะครูผู้ฝึกสอน รู้สึกภาคภูมิใจในตัวเด็กๆทุกคน ที่พวกเขาสามารถก้าวผ่านบททดสอบและทำได้ดีที่สุด ซึ่งผลการแข่งขันที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ เชื่อว่าจากความรู้สึกตอนแรกที่แค่ครูพามาเต้น มาถึงตอนนี้พวกเขาจะรู้สึกรักในการเต้นและมีความสุขมากๆกับสิ่งที่ทำ
นางสาวนิษฐกานต์ คำเพราะ “ออมสิน”วัย 18 ปี ทีม Next happen เล่าว่าการแข่งขันในปีนี้เน้นการเต้นที่แข็งแรง เข้มแข็ง มีความสนุก แสดงถึงความอดทน ไม่ย่อท้อ แม้ล้มก็ลุกขึ้นสู้ใหม่ได้ ครั้งนี้ใช้เวลาฝึกซ้อม 1 เดือนก่อนมาแข่ง โดยนำเอาประสบการณ์ ข้อผิดพลาด คำแนะนำของคณะกรรมการจากเวทีเต้นที่ได้ร่วมแข่งที่ผ่านมาไปปรับปรุงพัฒนาทีมเต้นของเราให้ดียิ่งขึ้น มองว่าการเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง การเป็นทีมเต้นของ TO BE NUMBER ONE ยังช่วยให้ทุกคนมีความสามัคคีกัน ช่วยเหลือกัน มีความรับผิดชอบในหน้าที่ ทำให้ได้เพื่อนใหม่ สังคมใหม่ ได้มีโอกาสพบปะเพื่อนๆจากจังหวัดอื่นๆที่รักการเต้นเหมือนกับเรา อยากฝากบอกเพื่อนที่รักการเต้นทุกคนว่า ให้ทำให้ดีที่สุด ไม่ต้องกังวล หรือกลัวการแสดงออก ถ้ารู้สึกว่าตนเองรักการเต้นก็ให้ทำออกมาเลย
ด.ช.ญาณาธิป ศิริพัฒน์ “ออโต้”วัย 14 ปีทีม SUPPLA-ReR เล่าว่าปีนี้ทีมได้ปรับเปลี่ยนสไตล์การเต้น เนื่องจากน้องๆในทีมโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น การออกแบบท่าเต้นเลยเลือกเป็นเพลงช้าแนว R&B ซึ่งจะเน้นท่าเต้นที่มีความชัดมากขึ้น รวมทั้งการแสดงอารมณ์ที่ชัดขึ้น เน้นการสื่อสารถึงคนดูผ่านทางร่างกาย ท่าเต้น อยากให้คนดูเข้าถึงอารมณ์โชว์ที่แสดง ในขณะที่นายนัฏฐชัย แจ่มแจ้ง “บูม” อีก1ในทีมเล่าว่าการที่เราปรับเปลี่ยนโชว์ในปีนี้มาเป็นเพลงช้า ทำให้เราต้องฝึกใหม่ ปรับจากการเต้นเพลงเร็ว มาเป็นเพลงช้า ทำให้ต้องฝึกใจให้เย็นลง เพื่อปรับจังหวะการเต้นให้สามารถเข้ากันได้ เน้นการฟังเพลงบ่อยๆ มองว่าการเข้าแข่งขันในเวที TO BE NUMBER ONE DANCERCISE ทำให้เราได้เพื่อน ทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนกันหมด จากที่เคยเป็นคนไม่ค่อยพูด ก็เริ่มรู้จักพูดคุยเข้าสังคมมากขึ้นและได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การเต้นระหว่างเพื่อนด้วยกัน
นางพลอยณิศา เกษมชัยฎทธิ์”แม่แมว”ผู้ปกครอง “น้องกิล” ทีม SUPPLA-ReR บอกว่ามองว่าการเต้นในโครงการ TO BE NUMBER ONE คือการให้โอกาสเด็กทุกคน จากที่เมื่อก่อนเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดอาจยังไม่มีโอกาสเข้าถึงการเต้นแบบนี้มากนัก ซึ่ง “น้องกิล”ลูกชายก็ได้มีโอกาสเข้ามาในโครงการนี้เป็นเวลา 6 ปีแล้ว มองว่าการเต้นและจังหวะเพลงที่ใช้เต้น มีประโยชน์ ช่วยให้เด็กได้พัฒนาด้านอารมณ์ หรือ EQ และยังช่วยเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพ ทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น ช่วยให้“น้องกิล”หายจากอาการภูมิแพ้ที่เคยเป็น ได้พัฒนาด้านบุคลิกภาพ ความคิด ทำให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน เพราะเด็กต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าปกติ จะมีทั้งเรื่องเรียนและเรื่องซ้อมเต้น จึงต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้ความรับผิดชอบในหน้าที่ ตัวเองมองว่าเด็กยุคนี้ควรต้องมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมความคิดและจินตนาการ การเต้นหรือศิลปะต่างๆที่เด็กสนใจจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่พ่อแม่ควรให้การสนับสนุน
No comments:
Post a Comment