กรมควบคุมโรค แนะ “เข้าพรรษาสุขใจ สุขภาพไทยแข็งแรง” เสริมภูมิคุ้มกัน ลดปัจจัยเสี่ยงโรค ตลอดช่วงเข้าพรรษานี้ - All Miles

Breaking

Home Top Ad

Wednesday, July 17, 2024

กรมควบคุมโรค แนะ “เข้าพรรษาสุขใจ สุขภาพไทยแข็งแรง” เสริมภูมิคุ้มกัน ลดปัจจัยเสี่ยงโรค ตลอดช่วงเข้าพรรษานี้


วันนี้ (17 กรกฎาคม 2567) แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมดำเนินการแถลงข่าวในหัวข้อ “เข้าพรรษาสุขใจ สุขภาพไทยแข็งแรง” พร้อมแนะนำประชาชนสำหรับการรับมือโรคและภัยสุขภาพในช่วงเข้าพรรษานี้

โควิด 19 แนวโน้มพบผู้ป่วยลดลง โดยสายพันธุ์ที่ระบาดมากคือสายพันธุ์ JN.1, KP.2 และ KP.3 ตามลำดับ โดยแพร่กระจายได้ง่าย แต่ไม่ได้รุนแรงขึ้น ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 13 กรกฎาคม 2567 มีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 33,586 ราย ปอดอักเสบ 682 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 309 ราย และเสียชีวิต 188 ราย และในสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 7-13 กรกฎาคม 67 พบผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 1,004 ราย เสียชีวิต 5 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่ม 608 โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีโรคเรื้อรัง จึงขอเน้นย้ำประชาชนดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการไข้ ไอ น้ำมูก ควรแยกตัวจากผู้อื่นและปฏิบัติตามสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากไม่ดีขึ้นใน 1-2 วันให้รีบไปพบแพทย์


แพทย์หญิงจุไร วงศ์สวัสดิ์ 
นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ ผู้ช่วยอธิบดีกรมควบคุมโรค


ไข้หวัดใหญ่ แนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้น โดยสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด เป็นสายพันธุ์ A (H1N1) สถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 6 มิถุนายน 2567 พบผู้ป่วยสะสม 217,806 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเล็กและกลุ่มวัยเรียน ผู้เสียชีวิต 18 ราย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป ขอเน้นย้ำประชาชนดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เช่นเดียวกับการป้องกันโควิด 19 และเน้นย้ำกลุ่มเสี่ยงต่อโรครุนแรง ได้แก่ ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป/ หญิงตั้งครรภ์/ เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี/ ผู้มีโรคเรื้อรัง/ โรคธาลัสซีเมีย (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) /โรคอ้วน/ ผู้พิการทางสมอง สามารถเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ที่สถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน การจัดกิจกรรมรวมตัวเป็นกลุ่มในระยะนี้ (เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร ฯลฯ) ควรมีการคัดกรองผู้มีอาการป่วยก่อนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเข้มงวด หากพบให้งดเข้าร่วมกิจกรรมและรีบไปพบแพทย์

ไข้เลือดออก เริ่มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน (โดยเฉพาะภาคเหนือ) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 10 กรกฎาคม 2567 พบผู้ป่วย 44,387 ราย มากสุดในวัยเรียน มีผู้เสียชีวิต 43 ราย มักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ หรือมีโรคประจำตัว จึงขอเน้นย้ำมาตรการ “4 เน้น 4 เดือน” คือ 1) เน้นการเฝ้าระวังโรคและยุงพาหะ สำรวจและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย 2) เน้นการตอบโต้และควบคุมยุงพาหะ โดยหน่วยงานสาธารณสุขร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3) เน้นการวินิจฉัยและรักษาที่รวดเร็ว 4) เน้นการสื่อสารงดจ่ายยากลุ่ม NSAIDs ให้แก่ผู้ป่วยที่สงสัยเป็นโรคไข้เลือดออก เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตราย เลือดออกในทางเดินอาหารได้ และขอแนะนำให้ประชาชนทายากันยุงเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกยุงกัด รวมถึงผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไข้เลือดออกสู่บุคคลในครอบครัวและชุมชน

เห็ดพิษ ช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝน ยังคงพบผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากการกินเห็ดพิษเป็นประจำทุกปีในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเขา ในปีนี้มีรายงานผู้ป่วยอาหารเป็นพิษจากการกินเห็ดพิษแล้ว 19 เหตุการณ์ มีผู้ป่วยรวม 79 ราย เสียชีวิต 8 ราย ขอเน้นย้ำประชาชนซื้อเห็ดมาปรุงประกอบอาหารจากฟาร์มเห็ด หรือแหล่งที่มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการเก็บหรือกินเห็ดป่าหรือเห็ดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นเห็ดมีพิษหรือไม่ และไม่ควรเก็บเห็ดบริเวณที่มีการใช้สารเคมี รวมถึงไม่กินเห็ดดิบ และไม่กินเห็ดร่วมกับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ดังนั้น “เห็ด ไม่รู้จัก ไม่แน่ใจ ไม่เก็บ ไม่กิน”

ไข้หูดับ เป็นโรคที่พบมากในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการรับประทานเนื้อหมูดิบ เครื่องในและเลือดดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ โดยสถานการณ์ในปี 2567 พบผู้ป่วยแล้ว 549 ราย เสียชีวิต 38 ราย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย จึงขอเน้นย้ำประชาชนไม่ควรรับประทานเนื้อหมูดิบ เครื่องในและเลือดดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ หลังสัมผัสเนื้อหมูให้ล้างมือให้สะอาด และที่สำคัญต้องไม่ใช้เขียง มีด ตะเกียบ กับเนื้อหมูดิบและสุกร่วมกัน ควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่มีมาตรฐาน และรับประทานโดยปรุงสุก


นายแพทย์วีรวัฒน์ มโนสุทธิ 
นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ โฆษกกรมควบคุมโรค


พิษสุนัขบ้า สถานการณ์ในปี 2567 พบผู้ป่วยเสียชีวิตแล้ว 2 ราย มีประวัติถูกสุนัขกัดมีเลือดออก เป็นสุนัขมีเจ้าของ 1 ราย และสุนัขจรจัด 1 ราย แล้วไม่ได้ไปพบแพทย์เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หลังสัมผัสโรค และสัตว์ที่กัดเมื่อตายไม่ได้มีการแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อการส่งตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้จากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคในสัตว์พบว่า เริ่มมีการพบโรคพิษสุนัขบ้าในโค ดังนั้น ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยง การสัมผัสสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติวัคซีน รวมถึงหลีกเลี่ยงการชำแหละหรือรับประทานสัตว์ที่ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ หากถูกสุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกัด ข่วน เลีย น้ำลายหรือเลือดกระเด็นเข้าทางตา ปาก หรือผิวหนังที่มีบาดแผล แม้เพียงเล็กน้อย ต้องล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกสบู่หลายๆ ครั้ง เช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อโพวีโดนไอโอดีน หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งต้องฉีดต่อเนื่องจนครบโดส สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ควรพาสัตว์เลี้ยงไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี ตามที่สัตวแพทย์นัด

สำหรับสถานการณ์ต่างประเทศ ได้แก่ 1) สถานการณ์โรคแบคทีเรียกินเนื้อในญี่ปุ่น เป็นภาวะติดเชื้อที่รุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus กลุ่ม A โดยพบว่าในปี 2567 ญี่ปุ่นพบผู้ป่วย 1,093 ราย และมีแนวโน้มสูงขึ้น ข้อมูล 17-23 มิถุนายน 2567 พบผู้ป่วยรายใหม่ถึง 33 ราย ในจำนวนนี้รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต 9 ราย สำหรับประเทศไทยมีการเฝ้าระวังการติดเชื้อ Streptococcus กลุ่ม A ที่ทำให้เกิดโรคไข้ดำแดงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบสถานการณ์การเพิ่มขึ้นของภาวะติดเชื้อนี้ชนิดรุนแรง 2) สถานการณ์อาหารเป็นพิษจากกิมจิปนเปื้อนโนโรไวรัสเกาหลีใต้ โนโรไวรัสเป็นเชื้อที่พบได้จากการรับประทานอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน การสัมผัสพื้นผิวหรือวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อและนำเข้าปากโดยไม่ได้ล้างมือ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน โดยมักพบการปนเปื้อนในน้ำดื่ม น้ำแข็ง และอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน เช่น ผักผลไม้สด เป็นต้น กิมจิจึงมีโอกาสติดเชื้อได้ สำหรับประเทศไทยยังไม่มีรายงานอาหารเป็นพิษจากการรับประทานกิมจิ แนะนำประชาชน ควรระมัดระวังการรับประทานอาหารที่ไม่ผ่านความร้อน หากจะรับประทานกิมจิควรเลือกจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และมีเครื่องหมาย อย.

ประเด็นอื่นๆ ขอย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อ ผลิตภัณฑ์ อาหารเสริม ที่ปัจจุบันอวดอ้างว่ารักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์เพิ่มภูมิคุ้มกันซีดี 4 ในผู้ป่วยเอชไอวี ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสเข้าถึงยาต้านไวรัสหรือหยุดยาต้านไวรัส ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ แนวทางการรักษาเอชไอวีที่ได้ผลที่สุด คือกินยาต้านไวรัส เริ่มรักษาเร็ว กินยาสม่ำเสมอจะยับยั้งจำนวนเอชไอวีจนสามารถใช้ชีวิตปกติได้ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมรักษาวัณโรคได้ ซึ่งยังไม่พบสมุนไพรใดๆ ที่รักษาวัณโรคจนหายขาดได้ การรักษาวัณโรคต้องกินยารักษาวัณโรคตามแพทย์สั่งเท่านั้น


ทั้งนี้ ในช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งกำหนดให้เป็นวันงดดื่มสุราแห่งชาติ โดยปี 2567 นี้ มีคำขวัญว่า “หยุดเหล้า หยุดอันตรายต่อผู้อื่น” (Stop alcohol Stop harm to other) ขอประชาชนช่วยกัน ลด ละ เลิกสุรา ในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนนี้ โดยร่วมกันปฏิญาณตน ผ่าน https://noalcohol.ddc.moph.go.th/ ได้ตั้งแต่วันนี้ และอีกกิจกรรมคือ สัปดาห์วันป้องกันการจมน้ำโลก (22-26 กรกฎาคม 2567) โดยมติสมัชชาสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้วันที่ 25 กรกฎาคม เป็น “วันป้องกันการจมน้ำโลก (World Drowning Prevention Day)” ปีนี้มีธีมรณรงค์ “จมน้ำเกิดง่ายกว่าที่คิด หนึ่งชีวิต ไม่ควรสูญเสีย” โดยขอเชิญชวนประชาชนร่วมแสดงพลังคนไทย พร้อมใจใช้โทนสีฟ้า/น้ำเงิน และร่วมโพสต์รูป/วิดีโอกิจกรรม บอกเล่าเรื่องราวการป้องกันการจมน้ำ ติดแฮชแท็ก #WDPD2024 #DrowningPrevention ตลอดช่วงสัปดาห์ดังกล่าว

กรมควบคุมโรคห่วงใย อยากเห็นคนไทยมีสุขภาพดี

No comments:

Post a Comment

Pages