องค์การเภสัชกรรม จับมือ องค์กรวิจัยทางการแพทย์ไม่แสวงหาผลกำไร DNDi และ บริษัท Pharco Pharmaceuticals ขึ้นทะเบียนยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ในประเทศไทย - All Miles

Breaking

Home Top Ad

Thursday, July 3, 2025

องค์การเภสัชกรรม จับมือ องค์กรวิจัยทางการแพทย์ไม่แสวงหาผลกำไร DNDi และ บริษัท Pharco Pharmaceuticals ขึ้นทะเบียนยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ในประเทศไทย


เจนีวา, 30 มิถุนายน 2568 – องค์การเภสัชกรรม บริษัท Pharco Pharmaceuticals จากประเทศอียิปต์ และองค์กรวิจัยทางการแพทย์ไม่แสวงหาผลกำไร Drugs for Neglected Diseases initiative (DNDi) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ เพื่อการขึ้นทะเบียนยาราวิดาสเวียร์ในประเทศไทย

เป้าหมายของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาตัวนี้ได้ง่ายขึ้น ผลการทดลองทางคลินิก ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ รวมถึงในประเทศมาเลเซีย สามารถยืนยันประสิทธิภาพของ ยาราวิดาสเวียร์ได้เป็นอย่างดี ยาราวิดาสเวียร์ถือเป็นยารักษาไวรัสตับอักเสบซีตัวแรกที่พัฒนา ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา (South-South collaboration) โดยมีทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดหายาที่มีราคาย่อมเยาให้กับผู้ป่วยที่ต้องการยา


“การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ เป็นมากกว่าความร่วมมือทางวิชาการ แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างระบบการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนให้กับประชาชน ยังมีผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีในประเทศไทยกว่า 800,000 ราย ที่ยังรอการเข้าถึงยาและการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ” พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าว “โรคไวรัสตับอักเสบซี เป็นโรคที่รักษาได้และใช้เวลาในการรักษาไม่นาน ยาที่ใช้มีประสิทธิภาพสูง สามารถรักษาโรคให้หายขาดมากกว่า 95% ก่อนหน้านี้ ยาที่ใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีมีราคาแพงมาก แต่ GPO สามารถผลิตให้ได้ต้นทุนที่ลดลง เพิ่มการเข้าถึงยามากขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น” พญ.มิ่งขวัญ กล่าวเสริม

โรคไวรัสตับอักเสบซีสามารถพัฒนาเป็นโรคตับเรื้อรัง ตับแข็ง มะเร็งตับ และทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ อีกทั้งยังก่อให้เกิดภาระ ทางเศรษฐกิจ และสังคมต่อบุคคล ครอบครัว และระบบสาธารณสุขของประเทศ ปัจจุบัน โรคไวรัสตับอักเสบซี ยังคงเป็นความท้าทายด้านสาธารณสุขในประเทศไทย มีผู้ป่วยหลายรายยังไม่ได้ รับการวินิจฉัยหรือการรักษา ประเทศไทยวางเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติในการกำจัดไวรัสตับอักเสบซีให้หมดไป ภายในปี พ.ศ. 2573

การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับไวรัสตับอักเสบซีในปัจจุบันคือ ยากลุ่ม direct-acting antivirals (DAAs) อย่างไรก็ตาม ยาเหล่านี้มีราคาสูงมาก (ยาตัวแรกที่เริ่มวางจำหน่ายในปี 2556 มีราคาสูงถึง 2.5 ล้านบาท)ทำให้ผู้ป่วยในประเทศรายได้ต่ำและปานกลาง ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ โรคนี้ส่งผลกระทบ ต่อประชากรราว 50 ล้านคนทั่วโลก แต่มีเพียง 20% เท่านั้นที่ได้รับการรักษา โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ราว 242,000 คนต่อปี ปัจจุบัน ราคายาลดลงมาจากเดิมมาก แต่ยังไม่มากพอให้ทุกคนเข้าถึงได้


ราวิดาสเวียร์เป็นยาที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และราคาย่อมเยา พัฒนาโดยองค์กร DNDi ร่วมกับบริษัท Pharco Pharmaceuticals จากอียิปต์ รวมถึงภาครัฐและหน่วยงานวิชาการในมาเลเซียและไทย เมื่อปี พ.ศ. 2560 มีการดำเนินการทดลองทางคลินิกในไทย 4 แห่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานและองค์กรหลายแห่ง ยาชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการลดต้นทุนการรักษาอย่างมาก ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศมาเลเซีย และในปี พ.ศ. 2566 ได้ถูกรวมอยู่ในบัญชียาจำเป็นของ องค์การอนามัยโลก (WHO) อีกด้วย

“ราวิดาสเวียร์เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่น่าประทับใจของการพัฒนายาโดยไม่แสวงผลกำไรภายใต้ความร่วมมือ ระหว่างประเทศกำลังพัฒนา โดยมุ่งเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ต้องขอบคุณความเป็นผู้นำของประเทศไทย และมาเลเซีย ที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศรายได้น้อยและปานกลางสามารถพัฒนายาที่ตรงกับความต้องการ ของประชากรของตนเองได้” นพ.หลุยส์ ปิซาร์โร ผู้อำนวยการบริหารขององค์กร DNDi กล่าว “บันทึกความเข้าใจกับองค์การเภสัชกรรมฉบับนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดัน ให้ราวิดาสเวียร์สามารถ เข้าถึงได้ง่ายขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่ร่วมพัฒนายาตัวนี้”


องค์การเภสัชกรรมจะเป็นผู้นำในการยื่นขอขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมีองค์กร DNDi และ บริษัท Pharco ให้การสนับสนุนด้านเทคนิค และเอกสารประกอบที่จำเป็น

“ภารกิจของเราคือการทำให้ยาที่มีคุณภาพสูงเข้าถึงได้ในราคาที่ประชาชนสามารถซื้อได้ บริษัท Pharco ภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของความร่วมมือครั้งนี้ และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้โลกปลอดจาก ไวรัสตับอักเสบซี ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลกภายในปี 2573 เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับองค์กร DNDi และ องค์การเภสัชกรรม เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายนี้ร่วมกัน” นพ.เชอรีน ฮัสซัน อับบาส เฮลมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท Pharco Pharmaceuticals กล่าว

การทดลองทางคลินิกที่นำไปสู่การพัฒนายาราวิดาสเวียร์ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากโครงการ Transformational Investment Capacity ขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins Sans Frontières/Doctors Without Borders) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการรักษาสำหรับผู้ป่วย โรคไวรัสตับอักเสบซี ในประเทศรายได้น้อยและปานกลาง

No comments:

Post a Comment

Pages