ช่วงนี้ไม่ว่าจะวงการศาสนา วงการหมอดู หรือแม้กระทั่งล่าสุด เกี่ยวกับ ฮวงจุ้ย ก็สะเทือนกันไปหมด วันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ความรู้สึก ของ ‘อ.ป๋า -ปุญญาดิศ เถียรวิชิต’ พราหมณ์เจ้าพิธีตัวจริงคนดัง ถึงกระแสดังกล่าวนิดหนึ่ง
สำหรับผมการสอนธรรมในเชิงหยาบคาย และติติงทุกอย่าง ?
" เรื่องของอาจารย์คนนึงที่เขามีกระแสตอนนี้ ด้วยการใช้คำพูดฉาบฉวยหรือกระแทกเข้าไปในสังคม ผมว่าส่วนนึงเรียกว่าเป็นคอนเทนต์ด้วย อะไรที่มันมากเกินไป ซ้ายสุด ขวาสุด การใช้คำพูดที่กระแทกเกินไป หรือการใช้วิถีแนวคิดที่มันสุดโต่งเกินไป ผมว่ามันไม่ซัพพอร์ตกับสังคมไทย สังคมไทยเป็นสังคมของการเอื้อต่อกัน เป็นสังคมของสหธรรมมิกซ์กันในเรื่องของศาสนา ศาสนาผี ศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพุทธ
แม้แต่วิถีของเราก็อย่างแห่นางแมว ผีตาโขน ทุกอย่างที่เป็นขนบธรรมเนียมเรา ถ้าจะว่าอย่างนั้นมันก็เละกันหมดสิ มาบอกว่าลอยกระทง ตัดเล็บ ตัดผม ตัดทำแมวอะไร มันไม่ได้ ก็โดนกระโถนตีกะบาลหมด แม้แต่ผมเองไปกราบสมเด็จพระสังฆราชหลายครั้ง ทุกครั้งที่ไปกราบท่านก็จะเรียกทุกคนเข้าไปประพรมน้ำมนต์ คือถ้าจะไปสุดโต่ง ทุกคนไม่มีที่อยู่นะ มันเป็นไปไม่ได้ เราควรจะอยู่ในความพอดี
อีกอย่างบางทีสิ่งที่คุณพูดมันเป็นเรื่องของศาสนาอื่น อย่างผมบัตรประชาชนคือศาสนาพราหมณ์ฮินดูนะ ถึงแม้ผมจะรักเคารพพระพุทธเจ้า รักพุทธศาสนา รักพระหลายๆ องค์ คุณก็จะมาว่าผมไม่ได้นะ นี่คือความเชื่อและลัทธิวิถีของผม ซึ่งถ้าผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ยิ่งแล้วใหญ่เลย และถ้าผมทำประโยชน์ได้ ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะฉะนั้นเรื่องการเมือง ศาสนา เรื่องวิถีความเชื่อ เถียงกันให้ตายก็เป็นปัญหาโลกแตก เรื่องการเมืองก็แบ่งสีกัน เรื่องศาสนาความเชื่อ สังคมก็จะแตกแยก อย่างที่เห็นสงครามศาสนาก็มีนะ
ฉะนั้นพุทธวจนที่แท้จริงคืออะไรเหรอ สิ่งที่คุณพูดอาจจะไม่ใช่พุทธวจนะที่แท้จริงก็ได้ หรืออาจจะแท้จริงไม่ทั้งหมดก็ได้ หรืออาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้นะ 2,500 กว่าปีผ่านมาแล้ว และผมบอกเลยว่าทุกศาสนาก็มีทั้งน้ำเน่าและน้ำดี มันก็มีปะปนกัน ผมพูดในความที่ผมเป็นศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องเคารพความเชื่อซึ่งกันและกัน ต้องให้เกียรติความเชื่อซึ่งกันและกัน ถ้าแก่นพระพุทธศาสนาคือทำความดี ถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณไปในทางที่ดีได้ก็ต้องให้เกียรติกัน และไม่ต้องกระแทกเพื่อสร้างคอนเทนต์ให้ตัวเอง ไม่ต้องกระแทกเพื่อสร้างอิมเมจให้กับตัวเอง พูดให้แง่คิดพระธรรมคำสอนได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกระแทกกันขนาดนั้น พูดกันดีๆ ก็ได้ ปัญญาชน
ทุกวันนี้สื่อเป็นแหล่งข้อมูลมากมายเลย คนๆ นึงที่รู้ศาสนา แต่อาจจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันคนอื่นก็ได้ ทุกคนรู้ศีล5 แต่ทำได้มั้ย ทุกคนพูดได้ว่าศีล5 มีอะไรบ้าง พระทั้งประเทศที่อยู่ในศาสนามากี่ 10 ปี เป็นครูบาอาจารย์ เขาก็รู้ แล้วเขาปฏิบัติดีปฎิบัติชอบด้วย แต่ทำไมเขาไม่ออกมาโจมตีหรือกระแทกคนอื่นล่ะ ก็ต้องคิดนะ เพราะฉะนั้นแยกแยะดีๆ ถ้าอยากรู้หลักธรรมที่แท้จริงไปศึกษาเองก็ได้ ศึกษาตำราพระไตรปิฎก ไปอ่านเองเลย คุณจะพูดถูก 100 คำเหรอ ผมไม่เชื่อว่าคุณอ่านแล้วจะจำได้ทั้ง 100 คำหรอก"
อีกอย่างบางทีสิ่งที่คุณพูดมันเป็นเรื่องของศาสนาอื่น อย่างผมบัตรประชาชนคือศาสนาพราหมณ์ฮินดูนะ ถึงแม้ผมจะรักเคารพพระพุทธเจ้า รักพุทธศาสนา รักพระหลายๆ องค์ คุณก็จะมาว่าผมไม่ได้นะ นี่คือความเชื่อและลัทธิวิถีของผม ซึ่งถ้าผมไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ยิ่งแล้วใหญ่เลย และถ้าผมทำประโยชน์ได้ ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะฉะนั้นเรื่องการเมือง ศาสนา เรื่องวิถีความเชื่อ เถียงกันให้ตายก็เป็นปัญหาโลกแตก เรื่องการเมืองก็แบ่งสีกัน เรื่องศาสนาความเชื่อ สังคมก็จะแตกแยก อย่างที่เห็นสงครามศาสนาก็มีนะ
ฉะนั้นพุทธวจนที่แท้จริงคืออะไรเหรอ สิ่งที่คุณพูดอาจจะไม่ใช่พุทธวจนะที่แท้จริงก็ได้ หรืออาจจะแท้จริงไม่ทั้งหมดก็ได้ หรืออาจจะคลาดเคลื่อนก็ได้นะ 2,500 กว่าปีผ่านมาแล้ว และผมบอกเลยว่าทุกศาสนาก็มีทั้งน้ำเน่าและน้ำดี มันก็มีปะปนกัน ผมพูดในความที่ผมเป็นศาสนาพราหมณ์ฮินดูก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องเคารพความเชื่อซึ่งกันและกัน ต้องให้เกียรติความเชื่อซึ่งกันและกัน ถ้าแก่นพระพุทธศาสนาคือทำความดี ถ้าสิ่งนั้นทำให้คุณไปในทางที่ดีได้ก็ต้องให้เกียรติกัน และไม่ต้องกระแทกเพื่อสร้างคอนเทนต์ให้ตัวเอง ไม่ต้องกระแทกเพื่อสร้างอิมเมจให้กับตัวเอง พูดให้แง่คิดพระธรรมคำสอนได้ แต่ไม่จำเป็นต้องกระแทกกันขนาดนั้น พูดกันดีๆ ก็ได้ ปัญญาชน
ทุกวันนี้สื่อเป็นแหล่งข้อมูลมากมายเลย คนๆ นึงที่รู้ศาสนา แต่อาจจะมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันคนอื่นก็ได้ ทุกคนรู้ศีล5 แต่ทำได้มั้ย ทุกคนพูดได้ว่าศีล5 มีอะไรบ้าง พระทั้งประเทศที่อยู่ในศาสนามากี่ 10 ปี เป็นครูบาอาจารย์ เขาก็รู้ แล้วเขาปฏิบัติดีปฎิบัติชอบด้วย แต่ทำไมเขาไม่ออกมาโจมตีหรือกระแทกคนอื่นล่ะ ก็ต้องคิดนะ เพราะฉะนั้นแยกแยะดีๆ ถ้าอยากรู้หลักธรรมที่แท้จริงไปศึกษาเองก็ได้ ศึกษาตำราพระไตรปิฎก ไปอ่านเองเลย คุณจะพูดถูก 100 คำเหรอ ผมไม่เชื่อว่าคุณอ่านแล้วจะจำได้ทั้ง 100 คำหรอก"
กับศาสตร์ฮวงจุ้ย ซึ่ง อาจารย์ป๋าเองก็มีความชำนาญเรื่องนี้ตรงนี้มีความคิดเห็นว่ายังไงบ้าง?
" เรื่องฮวงจุ้ย ผมมองว่าก็ต้องใช้วิจารณญาณเยอะ ในการเอาชื่อเสียง วิชาความรู้มารีดทรัพย์จากคนที่ศรัทธา ก็กลับมาสู้ทางสายกลางว่า 66 ล้านมันมากเกินไปมั้ย คนจะทำก็ต้องคิดด้วย แต่ทีนี้เขาไปขู่ว่าถ้าไม่ทำแล้วจะตาย ไม่ทำแล้วจะบ้านแตก จริงๆ แล้วมันเป็นจรรยาบรรณที่เขาห้ามหมอดูทุกศาสตร์ทุกแขนงอยู่แล้ว มันผิดวิถี ผิดจารีต ผิดคุณธรรมจริญธรรมทุกอย่าง ไม่ต้องเป็นหมอดูหรอก ต่อให้เป็นคนธรรมดาแล้วไปขู่แบบนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน
พอมีข่าวแบบนี้ออกมาเรื่อยๆ ก็มีคนมาถามผมเยอะ หลักๆ คืออะไรที่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน มันเป็นบาปนะ แต่สำหรับผมไม่ได้กระทบอะไร สำหรับผมถามว่าศาสตร์ฮวงจุ้ยมีอยู่จริงมั้ย มีอยู่จริง แต่มันเสียที่คน ไม่ได้เสียที่วิชา ผมยึดมั่นในคุณธรรมและจรรยาบรรณ แต่พอมีแบบนี้มันก็เป็นช่องว่างให้คนมาว่าได้ จริงๆ ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของทิศทางลม ทิศทางน้ำ พลังงาน สีแสงมากกว่า แต่มันก็มีข้อดีนะ เพราะของจริงจะยังอยู่ และคนจะมีสติไตร่ตรองมากขึ้น คนที่เป็นอาจารย์เองก็จะได้มีการไตร่ตรองมากขึ้นด้วย
แต่สิ่งที่อยากจะแนะนำก็คือมีพ่อแม่พี่น้องลูกหลานก็ต้องช่วยกันแนะ ช่วยกันเตือน เพราะคนเฒ่าคนแก่บางทีก็คิดไม่ทันคนที่จะมาหลอก ถ้าถึงขั้นมีคนมาขู่ว่าถ้าไม่ทำแล้วจะตาย ไม่ทำแล้วบ้านแตก อันนี้ต้องคุยกันดีๆ ผมว่าสังคมตอนนี้ก็น่าเป็นห่วง และผมมองว่าเดี๋ยวนี้คนไม่ค่อยเชื่อคนในบ้าน แต่ไปเชื่อโซเชียล เชื่อสื่ออะไรต่างๆ มากจนเกินไป ก็ต้องระวังกันให้มากๆ ครับ
ผมเองก็เคยไปแก้ฮวงจุ้ยกับบ้านที่เคยได้ทำมาผิดๆ เหมือนกัน เคสที่แก้ยากและแก้ง่ายก็มีปะปนกัน แต่ผมค่อนข้างเห็นใจเขานะ เขาก็เสียเงินมาเยอะแล้วในการทำ ถ้าผมต้องมาแก้ก็จะพยายามให้เขาเสียเงินน้อยที่สุด อย่าให้เขาต้องมาหนีเสือปะจรเข้ ที่จะไปแนะนำให้เขาทุบรื้อนี่น้อยมาก เพราะมันมีวิธีเยอะแยะ บางทีเสริมด้วยด้วยสี ด้วยอุปกรณ์หลายๆ อย่างที่มีอยู่แล้วในบ้านหรือที่ไม่ต้องเสียเงินเยอะ มันมีเยอะแยะเลย "
ก่อนหน้านี้มีกระแสการ ‘ขโมยดวง’ ตรงนี้ยังเป็นที่ข้อกังขา ว่ามีจริงไหม?
" เรื่องขโมยดวงผมว่ารากฐานมันมาจากการทำของใส่มากกว่า ถามว่ามีจริงมั้ย ต้องพูดไปถึงสมัยก่อนกับการที่เอาชื่อนามสกุล เอาเล็บ เส้นผมมาทำของใส่ มันเป็นศาสตร์สกปรกที่ผมก็ว่ามันมีอยู่จริง แต่ผมว่าน้อยคนที่จะทำได้ แต่ที่สำคัญคือถ้าเรามีความดีคุ้มตน เรามีศีลครบ ให้เขาทำมายังไงมันก็ไม่เข้า ไม่ต้องไปกลัวเลยถ้าคุณเป็นคนดี มีศีลครบ อาจารย์จะเก่งมาจากไหนก็ทำอะไรคุณไม่ได้ ต่อให้เอาชื่อ เอาของไปก็เถอะ เพราะฉะนั้นก็ย้อนกลับมาที่ตัวเรา ศีลเป็นเครื่องคุ้มภัย พระพุทธเจ้าก็เคยบอกเอาไว้แล้ว ผมว่าถ้าคุณเป็นคนไม่ดี ไม่ต้องทำของใส่หรอก คุณก็วิบัคิเอง จะว่าเรื่องขโมยดวงเป็นเรื่องไร้สาระก็ไม่เชิง แต่ผมมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีแก่นสารมากกว่า "
ติดต่องาน อาจารย์ป๋า
คุณเอนจอยด์
094-469-4963 , 065-662-4599
No comments:
Post a Comment