31 พฤษภาคม 2567 เที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการ Scat Airlines เที่ยวบิน VSV5352 บินตรงจากกรุงอัลมาตี สาธารณรัฐคาซัคสถาน พร้อมด้วยผู้โดยสาร 212 ที่นั่ง เดินทางถึง ณ ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ในเวลา 07.30 น. โดยมีเรือเอกชัชวรรณ สาครสินธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา ให้เกียรติร่วมเดินทางพร้อมคณะผู้ประกอบการท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากคาซัคสถาน ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัด สุราษฎร์ธานี นายสุขสวัสดิ์ สุขวรรณโณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางจิระวดี คุณทรัพย์ ผู้อำนวยการภูมิภาคยุโรป ททท. และ Mr. Kurshad Bakir Managing Director Selfie Travel Asia
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า นับเป็นความสำเร็จภายใต้ความร่วมมือของ Selfie Travel และ Fun & Sun บริษัททัวร์รายใหญ่ของสาธารณรัฐคาซัคสถาน และสายการบิน Scat Airlines ในการประกาศเปิดเที่ยวบินตรงแบบเช่าเหมาลำ เส้นทางกรุงอัลมาตี สาธารณรัฐคาซัคสถาน สู่ท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี ด้วยเครื่อง Boeing 737-Max ความจุผู้โดยสาร 212 ที่นั่ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2567 ความถี่ 1 เที่ยวบินทุก 10 วัน (รวม 13 เที่ยวบิน)
โดยเที่ยวบินในวันนี้นับเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ ซึ่งได้รับเกียรติจากเรือเอกชัชวรรณ สาครสินธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา ร่วมเดินทางพร้อมคณะผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวคาซัคสถาน จำนวน 30 ราย และสื่อมวลชน 12 ราย และในโอกาสนี้ ททท. ได้ร่วมต้อนรับและส่งมอบบรรยากาศแห่งความประทับใจทันทีที่เครื่องบินเดินทางถึงประเทศไทยด้วยอุโมงค์น้ำ (Water Salute) พร้อมมอบของที่ระลึกพวงกุญแจตุ๊กตาช้างให้แก่นักท่องเที่ยวและผ้าพันคอสำหรับ Cabin crew เพื่อแสดงมิตรไมตรีและสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ Amazing Thailand ตอกย้ำให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจของนักท่องเที่ยว
สำหรับการขยายเส้นทางบินของสายการบิน Scat Airlines โดย Selfie Travel และ Fun & Sun ได้เลือกท่าอากาศยานนานาชาติสุราษฎร์ธานี เป็นจุดหมายปลายทางนั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ตลาดระยะไกล Airline Focus ผลักดันสายการบินขยายเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางเมืองหลักและเมืองรองของประเทศไทยที่ ททท. กำลังเดินหน้าขับเคลื่อน และถือเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญในการส่งเสริมการเดินทางมายังประเทศไทยของกลุ่มนักท่องเที่ยวคาซัคสถานและพื้นที่ใกล้เคียงแถบ CIS รวมถึงรัสเซีย ให้สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติอย่าง เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า รวมถึงพื้นที่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระบี่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนของคาซัคสถาน เดือนพฤษภาคม - กันยายน 2567 ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาเติมเต็มบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วง Low Season ของประเทศไทยให้คึกคักมากยิ่งขึ้นด้วย
ปี 2566 ที่ผ่านมา คาซัคสถานถือเป็นตลาดดาวรุ่งที่มีศักยภาพใช้จ่ายสูง และมีอัตรานักท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 190 เมื่อเทียบกับปี 2565 ด้วยจำนวน 172,282 คน ถือเป็นจำนวนสูงสุดของจำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานที่เคยเดินทางมาไทย ด้วยศักยภาพและความพร้อมของสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ประกอบกับเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2567 รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศได้มีการลงนามความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยรัฐบาลไทยได้ประกาศขยายเวลาการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางสัญชาติคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว สถานสามารถพำนักอยู่ในประเทศไทยไม่เกิน 30 วัน ไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวคาซัคสถานได้เพิ่มมากขึ้น
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 29 เมษายน 2567 นักท่องเที่ยวคาซัคสถานเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศไทยแล้วกว่า 95,463 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่ม First Visit ที่เดินทางมากับครอบครัว ผ่านกรุ๊ปทัวร์ถึงร้อยละ 74.11 และมีวันพักเฉลี่ยอยู่ที่ 9.81 คืน ค่าใช้จ่ายรวมเฉลี่ย 75,080 บาทต่อคนต่อทริป และจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม คือ แหล่งท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเลในจังหวัดภูเก็ต ชลบุรี กระบี่ ตามลำดับ ทั้งนี้ ททท. เชื่อมั่นว่า การเปิดเส้นทางบินตรงมายังประเทศไทยของสายการบิน Scat Airlines และมาตรการกระตุ้นการเดินทางของภาครัฐ จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวเอเชียกลาง และเป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเข้าประเทศไทย 220,000 คน ในปี 2567 นี้
No comments:
Post a Comment